วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคการดูแลผิวสำหรับสีผิวที่แตกต่าง





ผิวของแต่ละคน แน่นอนว่าย่อมมีสีผิวที่แตกต่างกันตามแต่ยีนที่ได้รับมาจากสายเลือด หรือผิวของบางคนอาจหมองคล้ำลงด้วยการทำลายของแสงแดด แน่นอนว่าเมื่อสีผิวที่แตกต่างกัน ก็ย่อมมีการการดูแลบำรุงผิวที่ต่างกัน เพื่อให้ผิวของคุณนั้นสวยสมบูรณ์แบบ



เป็นผิวที่โชคดีโดยกำเนิด เพราะผิวสีขาวนั้นดูอย่างไรก็สวยสะอาด ยิ่งผิวมีความเนียน และยืดหยุ่นก็ยิ่งเพิ่มความน่ามอง ส่วนใหญ่ผู้ที่มีผิวขาวมักเป็นคนแถบยุโรป อเมริกา ซึ่งจะมีความขาวต่างกันออกไป ตั้งแต่ขาวนวล จนถึงขาวซีด ข้อดีของผิวขาวคือมีเมลานินปกป้องน้อยกว่าสีผิวประเภทอื่น เมื่อโดนแสงแดดถึงผิวจะคล้ำลงไม่นานก็กลับมาขาวได้เหมือนเดิม และยังเป็นผิวที่ตอบสนองต่อการบำรุงทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุง การขัดผิว การยกกระชับผิวหน้า และการผลัดเซลล์ผิวด้วยแต่ก็ไม่ควรชะล่าใจเพราะเป็นผิวที่ไวต่อแสงแดดจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิว โดยเฉพาะครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพราะหากผิวโดนแดดเป็นเวลานานๆ ผิวอาจไหม้เกรียม และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้เช่นกัน



จัดเป็นผิวที่น่ามองไม่แพ้ผิวขาว เพราะดูไม่คล้ำ และไม่ซีดเกินไป ผิวชนิดนี้จะอยู่ระหว่างสีเบจอ่อนๆ ไปจนถึงสีแทน ส่วนใหญ่เราจะพบสีผิวนี้ในคนเอเชีย เช่นคนไทย คนจีน เป็นผิวที่มีความต้านทานแดดค่อนข้างสูง มักไม่ค่อยปัญหาเรื่องผิวไหม้เกรียมจากแดด มักมีความนุ่มเนียนละเอียด รูขุมขนไม่กว้าง แต่ส่วนใหญ่คนผิวเรื่องมักมีปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอกัน และมักมีผิวแห้ง ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย การดูแลผิวจึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวแห้ง และดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อให้ผิวดูชุ่มชื้น สดใส หากดูแลไม่ถูกวิธีก็จะทำให้ผิวซีด และหมองคล้ำไปได้




สีผิวคล้ำแม้จะดูไม่สดใสเท่าที่ควร แต่หากได้รับการดูแลที่ดี ก็ทำให้ผิวดูน่ามองได้เหมือนกัน มักพบสีผิวนี้ในคนเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และคนไทยในภาคใต้ของเรา ผิวชนิดนี้มีข้อดีคือ ไม่ค่อยมีปัญหาผิวพรรณจากแสงแดด มีความเนียนเรียบ และยืดหยุ่นได้ดี เรียกว่าถึงจะคล้ำแต่ก็เนียนน่าสัมผัส และไม่ค่อยมีปัญหาริ้วรอยก่อนวัยเหมือนคนผิวขาว เพราะผิวคล้ำมีต่อมไขมันอยู่หนาแน่นกว่า ข้อควรระวังคือ ผิวคล้ำมักทำให้เกิดสิวง่าย การดูแลรักษาความสะอาดของผิวพรรณจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

ผิวของคุณมีความต้องการมากกว่า 10 อย่างเพื่อที่จะมีสุขภาพและมีความสวยงามอย่างที่สุด ความต้องการเหล่านี้สามารถแยกออกมาเป็น 2 ส่วน : สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานและเฉพาะ สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานของผิวคือความต้องการอย่างต่ำที่สุด สิ่งจำเป็นในแต่ละวันหรือขั้นตอนเป็นสิ่งที่ทุกสภาพผิวต้องการ 

สิ่งจำเป็นเฉพาะคือสิ่งที่ช่วยเฉพาะปัญหาจำเพาะบนผิวของคุณ ซึ่งสามารถที่จะรักษาได้โดยการใช้ขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นมาตามที่ต้องการ เริ่มที่อายุ 20 ปลายๆ ความต้องการเฉพาะของเราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานและสิ่งจำเป็นเฉพาะทั้งสองอย่างรวมกันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผิว

ถึงแม้ว่าผิวจะต้องการสิ่งจำเป็น 10 อย่างเพื่อจะรักษารูปลักษณ์ที่ดีที่สุดให้ตรงกับความต้องการพื้นฐานในแต่ละวัน ด้วยกฏเกณฎ์ 4 ขั้นตอนที่เป็นพื้นฐานของการดูแลผิวในแต่ละวัน ขั้นตอนพื้นฐานสำคัญ 4 อย่างคือ การทำความสะอาด, การปรับสภาพผิว, การป้องกัน และ การให้ความชุ่มชื้น ความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนจะช่วยให้เห็นถึงความชัดเจนของความสำคัญของแต่ละขั้นตอนซึ่งมีความจำเป็นต่อผิว

การทำความสะอาด (Cleanse): ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนจำเป็นสำหรับผิวซึ่งจะช่วยชะล้างน้ำมันส่วนเกิน, ความสกปรกและมลพิษออกจากผิว ถ้าหากสิ่งสกปรกพวกนี้ไม่ถูกขนัดออก ผิวของคุณอาจจะหมองคล้ำหรือซีดเซียว,ทั้งมีรูขุมขนที่อุดตันและอักเสบ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการผิดเพี้ยนของสี และแผลเป็น หรือ สารอนุมูลอิสระที่สามารถทำร้ายเซลล์ผิว รบกวนการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ระคายเคืองผิวและเป็นต้นกำเนิดของการผิดเพี้ยนของสีผิว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงผลลัพธ์แย่ๆเหล่านี้ควรทำความสะอาดผิวสองครั้งต่อวัน

การปรับสภาพผิว (Tone): การปรับสภาพผิวเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำทุกวันเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผิวสำหรับรับผลประโยชน์จากผลิตภัณฑ์อื่นๆและควรทำทุกวัน วันละสองครั้ง หลังจากทำความสะอาดผิว การปรับสภาพผิวนั้นมีผลในหลายๆทาง การปรับสภาพผิวทำให้ผิวเย็นลง, นอกจากนี้ยังช่วยลดความชัดเจนของรูปขุมขนและช่วยปรับค่า pH ของผิวให้สมดุลย์

การป้องกัน (Protect): ขั้นตอนการป้องกันผิวนั้นจำเป็นสำหรับผิวนั้นคือการให้ความชุ่มชื้นให้กับผิวยามเช้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผสม SPF เพื่อป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายและสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเครียด อันตรายจากแสงแดดทำให้ตัวป้องกัรความชุ่มชื้นและโครงสร้างโปรตีนของผิวลดลงรวมไปถึงก่อให้เกิดการผิดเพี้ยนของสี รวมไปถึงสัญญาณแห่งวัยที่เกิดก่อนเวลาอันควร

การให้ความชุ่มชื้น (Hydrate): ขั้นตอนให้ความชุ่มชื้นจะให้สารไขมันที่จำเป็น, เติมความชุ่มชื้นและเป็นตัวซ่อมแซมสำคัญในการฟื้นฟูสภาพผิวอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในยามดึก การให้ความชุ่มชื้นยามดึกควรทำวันละครั้งในตอนกลางคืน

เคล็ดลับง่ายๆ ที่บอกไปเหล่านี้ จำเป็นสำหรับผิวมากๆ ถ้าอยากผิวสวย กระจ่างใส ก็ต้องเคร่งครัดในการดูแลรักษานะจ้ะ






ดูข้อมูลที่ http://pannfit.blogspot.com

หรือ http://www.pannfitskin.blogspot.com
      
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
           
คุณ วราพร แคล้วศึก   เบอร์โทร  085-9083178
                 
อีเมล์   pannfit@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556

8 วิธีบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพ




         เพราะการบำรุงผิวไม่ได้หมายถึงการทาครีมบำรุงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการบำรุงผิวอย่างถูกวิธี และเตรียมสภาพผิวหน้าให้พร้อมรับการบำรุง เพื่อให้สารบำรุงต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนจะเตรียมผิวหน้าให้ได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่อย่างไรมาดูกันค่ะ

 1. สครับผิว

         เซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดที่เริ่มหมดสภาพ จะทำหน้าที่คล้ายกำแพงที่ขัดขวางไม่ให้สารบำรุงผิวต่าง ๆ ผ่านลงสู่ชั้นผิวด้านล่างได้สะดวก ทำให้ผิวชั้นล่างไม่สดใส รวมทั้งชั้นบนเองก็หมองคล้ำอย่างเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพด้วย ลองสครับผิวด้วยสครับสูตรอ่อนโยนเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อขจัดผิวที่เสื่อมสภาพชั้นบนสุดออก เปิดทางให้ผิวชั้นล่างที่สดใสกว่าขึ้นมาทดแทน พร้อมทั้งรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ด้วย

 2. เรียงลำดับการใช้ครีมบำรุงอย่างเหมาะสม

         จงจำไว้ว่าอะไรก็ตามที่ทาลงไปก่อนจะซึมซาบลงสู่ผิวได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการให้ครีมบำรุงผิวชนิดใดออกฤทธิ์ดีที่สุด ก็ต้องทาครีมชนิดนั้นเป็นลำดับแรก อย่างเช่น หากต้องการให้รอยด่างดำดูจางลง ก็ต้องใช้ครีมลดรอยด่างดำก่อนครีมบำรุงผิวชนิดอื่น หรือหากคุณต้องการแก้ปัญหาผิวสองอย่างควบคู่ไปด้วยกัน อย่างเรื่องสิวและรอยด่างดำ ให้สลับใช้ครีมทั้งสองนั้นเป็นลำดับแรกสลับกันในช่วงเช้าและเย็น นอกจากกฎข้อนี้แล้ว สิ่งที่ควรทำตามอีกหนึ่งประการในการใช้ครีมบำรุงก็คือ ใช้ครีมที่มีความเข้มข้นน้อยไปหาครีมที่มีความเข้มข้นมาก อันจะทำให้สามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้ดีพอ ๆ กันตามลำดับความเข้มข้นของมัน

  3.ใช้ครีมบำรุงหลังล้างหน้าเสร็จใหม่ ๆ 

         ผิวหน้าที่เพิ่งผ่านการล้างมา มีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำ ซึ่งจะดูดซับสารบำรุงต่าง ๆ ได้ดีเยี่ยม เพราะฉะนั้นเวลาหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ จึงเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการทาครีมบำรุงผิว

  4. ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น

         การล้างหน้าด้วยน้ำพออุ่น ๆ เป็นการวอร์มผิวให้พร้อมรับการบำรุง อุณหภูมิจากน้ำอุ่นจะทำให้เซลล์ผิวรวมทั้งเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนังขยายตัวเพื่อคายความร้อนที่สูงขึ้น นั่นหมายความว่ามีพื้นผิวที่พร้อมรับสารอาหารที่มีประโยชน์จากครีมบำรุงเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

 
 5. ทาครีมเนื้อหนักทับหลังการบำรุงผิว

         การทาครีมเนื้อหนักอย่างครีมที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียมเจล เนเชอรัลบัตเตอร์ แว็กซ์ หรือ ออยล์ เป็นส่วนผสมหลัก เป็นลำดับสุดท้ายหลังจากเสร็จสิ้นการทาครีมบำรุงผิวอื่น ๆ จะเป็นการกักให้ครีมบำรุงผิวนั้นซึมลงสู่ผิวหน้าและทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่มีข้อยกเว้นคือห้ามทำเช่นนี้กับครีมที่มีส่วนผสมของ เรตินอยด์ วิตามินซี และ ไฮโดรควิโนน ในเปอร์เซ็นต์สูง เพราะจะทำให้ออกฤทธิ์แรงเกินไป และเกิดอาการระคายเคืองผิวหน้าได้

 6. ใช้เรตินอยด์ในยามก่อนนอนเท่านั้น

         ครีมบำรุงอย่างเรตินอยด์ที่ออกฤทธิต้านการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี แต่เหมาะที่จะใช้ในเวลากลางคืนเท่านั้น เนื่องจากรังสียูวีที่มีอยู่ในแสงแดดจะรบกวนทำให้มันไม่สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ครีมจะทำงานได้ดีขึ้นในยามที่เราหลับ เพราะในขณะที่นอนอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้นราวครึ่งองศา เส้นเลือดฝอยอยู่ใกล้ผิวหนังมากขึ้น และขยายตัวกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังสามารถดูดซับสารบำรุงได้ดีกว่า 

  7. ใช้เซรั่มเพื่อการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก
         เซรั่มเป็นการนำเอาสารบำรุงต่าง ๆ ที่เคยอยู่ในรูปของครีมหรือโลชั่น มาเป็นรูปของเหลว ซึ่งนอกจากจะเข้มข้นกว่าเพราะไม่ต้องถูกเจือจางด้วยเนื้อครีมแล้ว ยังซึมซับลงสู่ผิวง่ายกว่าด้วย หากอยากบำรุงผิวให้เห็นผลทันใจกว่าการใช้ครีมบำรุง เซรั่มบำรุงผิวสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ของคุณได้ดีทีเดียวค่ะ

  8.จับคู่การบำรุงอย่างเหมาะสม
         การจับคู่ครีมบำรุงผิวให้เหมาะสมเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของครีมบำรุงผิวให้ดียิ่งขึ้น อย่างการจับคู่ระหว่างครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารกันแดดและสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในตัว เนื่องจากในขณะที่ครีมกันแดดคอยปกป้องผิวจากรังสียูวี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ก็จะทำงานได้ดีขึ้นเพื่อยับยั้งรังสียูวีที่อาจเล็ดลอดเข้ามาทำลายผิว และก่อตัวได้ดีขึ้นเพื่อยับยั้งปัจจัยอื่น ๆ ที่จะมาทำร้ายผิว หากครีมกันแดดที่คุณใช้ไม่มีส่วนผสมของสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ลองใช้ครีมอื่นที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ควบคู่ไปด้วยกันได้เช่นกัน นอกจากนี้ การจับคู่ระหว่างสารเรตินอยด์และไฮโดรควิโนน จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสามารถลบเลือนจุดด่างดำได้ดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ

         หากทำได้เช่นนี้ รับรองว่าสาว ๆ จะมีผิวสวยจากการได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่จากครีมบำรุงผิวที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแน่นอนค่ะ


ดูข้อมูลที่ http://pannfit.blogspot.com

หรือ http://www.pannfitskin.blogspot.com
      
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
           
คุณ วราพร แคล้วศึก   เบอร์โทร  0859083178
                 
อีเมล์   pannfit@gmail.com


วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การนอนดึกส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร (โดยเฉพาะผิวหน้า)







      การนอนน้อยมีผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก คนที่นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันจะมีอายุสั้นกว่าวัยอันควร เนื่องจากร่างกายของเรามีกลไกทุกอย่างคล้ายนาฬิกา แต่ถ้าเมื่อไรที่เรานอนผิดเวลาจะทำให้ระบบนาฬิกาตรงนี้เสียส่งผลให้ระบบของร่างกายแปรปรวน เพราะนอกจากร่างกายจะอ่อนล้าแล้ว ยังส่งผลดังนี้




       ระบบแรกเลยที่จะต้องกระทบก็คือระบบการย่อยอาหารจะสูญเสียไป ดังนั้น ถ้าวันไหนต้องนอนน้อยให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่ย่อยยาก เช่นเนื้อสัตว์ แล้วหันมารับประทานอาหารย่อยง่าย จำพวก ธัญพืช  ข้าว  ข้าวต้ม ไข่ นม ผลไม้ เพื่อช่วยระบบย่อย





      นอกจากนี้การนอนดึกทำให้ร่างกายเสียน้ำมาก เนื่องจากร่างกายต้องใช้ น้ำในการสร้างพลังงาน,ระบายความร้อนและของเสียออกจากร่างกายทางปัสสาวะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ เป็นเช่นนี้มากเข้าทำให้ร่างกายขาดน้ำ ดูดซึมน้ำในทางเดินอาหารซึ่งส่งผลให้ระบบขับถ่ายแปรปรวนอีก เพราะฉะนั้นหากต้องนอนดึกเราต้องดื่มน้ำมากๆ โดยเฉพาะน้ำแร่ แต่ไม่ควรดื่มน้ำเกลือแร่ประเภทเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะมีคาเฟอีนซึ่งเป็นตัวขับน้ำออกมาเกิดภาวะขาดน้ำมากขึ้น



       
นอกจากผลกระทบทางด้านร่างกายแล้วยังส่งผลถึงผิวพรรณให้ดูไม่สดใส ขอบตาดำ มีสิวฝ้าขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากเมื่อน้ำในร่างกายไม่พอก็ต้องดูดน้ำจากทางเดินอาหารซึ่งโดยปกติแล้วทางเดินอาหารส่วนปลายเป็นช่วงที่จะไม่มีการดูดซึมแล้ว แต่เมื่อไม่พอใช้ก็จะถูกดูดซึมกลับเข้ามาอีกและในบริเวณนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นของเสียจึงเป็นการดูดของเสียเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองเมื่อน้ำเหลืองคั่งเสียทำให้เกิดภาวะสิวฝ้าขึ้นนั่นเอง






     โดยปกติแล้วเวลาที่คนเรานอนหลับช่วงแรกที่นอนนั้น คลื่นสมองจะอยู่ในระดับตื้น แล้วลงไปเป็นลึก สลับกันอยู่อย่างนี้ เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่เราหลับลึกจริงๆนั้น อยู่ที่ประมาณ 3-4 ชั่วโมง/วัน ดังที่เราเคยได้ยินว่า พระธุดงค์ โยคี ที่

ฝึกมาดี ท่านจะใช้เวลานอนน้อยมาก หรือไม่นอนเลยก็มี เพราะจริงๆ แล้ว เวลาที่สมาธิลงไปถึงคลื่นลึกนั้นคือการนอนนั่นเอง ซึ่งร่างกายคนเราก็ต้องการอย่างนั้นวันละ 3-4 ชั่วโมงเอง แล้วเวลาท่านนั่งสมาธิลงไปลึกขนาดนั้นร่างกายซ่อมเลยกระบวนการของร่างกายดีขึ้นมาหมด สำหรับคนทั่วไปที่ทำสมาธิจิตไม่ได้ถึงระดับนั้นการนั่งสมาธิก่อนนอนก็ช่วยนำจิตให้ดิ่งไปสู่คลื่นที่ลึกลงไปทำให้ได้การนอนที่มีคุณภาพ หลับก็ในอู่ทะเลบุญตื่นมาก็สดชื่น

...ความจริงแล้วถ้าเรานอนให้พอ แล้วพอถึงคราวทำงานสามารถทำงานได้อย่างตั้งใจและมีประสิทธิภาพที่ดีจะเป็นประโยชน์มากกว่า สังเกตชาวเยอรมันจะเป็นคนที่มีวินัยดีมาก ถึงคราวทำงานทำจริงจัง ทำเต็มที่แต่เมื่อถึงเวลาพัก กล้าพักเลย ประเทศอื่นเวลาทำงานจะทำจันทร์-ศุกร์ แล้วพักเสาร์-อาทิตย์ แต่ของชาวเยอรมันถึงช่วงบ่ายของวันศุกร์พักแล้ว เย็นวันอาทิตย์ก็กลับมา พอถึงเวลาทำงานก็ทำอย่างจริงจัง รวมเวลาทำงานแล้ว 4 วันครึ่ง แต่ได้ผลงาน

มากกว่าคนที่ทำงาน 5-6 วันเสียอีก เพราะเวลาทำงานไม่มีอู้เลยทุ่มเต็มที่ แต่พอถึงเวลาพัก กล้าพัก อย่างนี้กลับมีประสิทธิภาพและคุณภาพในการดำเนินชีวิตดีกว่า”...

 ดูข้อมูลที่ http://pannfit.blogspot.com

หรือ http://www.pannfitskin.blogspot.com
      
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
           
คุณ วราพร แคล้วศึก   เบอร์โทร  0859083178
                 
อีเมล์   pannfit@gmail.com


7 วิธีธรรมชาติง่าย ๆ ให้หน้าสวยกระชับ





สมัยนี้เวลาผู้หญิงนึกอยากจะสวยก็สวยกันได้ง่าย ๆ เพราะวิทยาการอะไร ๆ ช่างล้ำหน้า อย่างถ้าอยากหน้าเนียนสวยไร้ริ้วรอย แค่จิ้มเข็มฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ก็จะสวยได้อย่างใจ ใช้เวลาไม่นานด้วย แต่ถึงจะอย่างไรยังไม่มีใครกล้ารับประกันความสวยนี้ว่าจะไม่เสี่ยงในระยะยาว งั้นมาสวยด้วยวิธีที่เสี่ยงน้อยกว่าไม่ว่าจะในระยะสั้นหรือระยะยาวกันดีกว่าค่ะ กับ 7 วิธีธรรมชาติง่าย ๆ ให้หน้าสวยกระชับแบบไม่พึ่งเข็ม รับรองว่าถูกกว่า ปลอดภัยกว่า และง่ายกว่าแน่นอนจ้า

       1. หม่ำ ๆ วิตามินเอ 

          วิตามินเอมีประโยชน์ต่อคุณอย่างยิ่งยวดในแง่ของการต่อต้านการเกิดสิวและริ้วรอย รวมทั้งทำให้ผิวแข็งแรงมีประกายสดใสของความสุขภาพดี ซึ่งคุณจะพบวิตามินเอได้ในรูปของเบต้าแคโรทีนจากผักผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แครอท มันเทศ ฟักทอง และแคนตาลูป รวมทั้งมีอยู่ในผักใบเขียว อย่างผักกาดหอม คะน้า และผักโขมด้วยค่ะ มีให้เลือกรับประทานจากหลายแหล่งแบบนี้ ก็อย่าลืมเติมวิตามินเอให้ร่างกายกันทุกวันนะ 

       2.ผิวฉ่ำสวยด้วยคลอโรฟีลด์ 
          ผักใบเขียวยนอกจากจะมีวิตามินเอแล้ว ก็ยังมีคลอโรฟีลด์ซึ่งช่วยให้ผิวสวยได้เช่นกัน คลอโรฟีลด์ช่วยเสริมกำลังให้ผิวแข็งแรงขึ้น ริ้วรอยจางลง และปัดเป่าปัญหาสิวไปได้ แถมเมื่อกินผักใบเขียวเยอะ ๆ แล้วยังมีไฟเบอร์ที่ช่วยเรื่องการขับถ่าย เมื่อการขับถ่ายดี ก็รู้สึกสดชื่น และแน่นอนว่าผิวพรรณก็เปล่งปลั่งผ่องใสด้วยนะจ๊ะ 



       
3. น้ำมันมะพร้าวชะลอริ้วรอยรอบดวงตา

          แทนที่จะต้องซื้ออายครีมแพง ๆ มาชะลอรอยริ้วรอยรอบดวงตา ลองเปลี่ยนมาเป็นใช้น้ำมันมะพร้าวทาดูดีกว่าค่ะ ในน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันซึ่งดีต่อผิวของคุณมาก ๆ ไม่เพียงให้ความชุ่มชื่นอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อได้ใช้ติดต่อกันไปจะสังเกตเห็นได้ว่าชะลอการเกิดริ้วรอย แถมใต้ตาก็ดูเนียนสวยไม่ค่อยหมองคล้ำ และนอกจากนำไปทารอบดวงตาแล้วยังนำมาใช้ทาริมฝีปากได้ด้วย

       
4. กินไขมัน (ดี) ให้เพียงพอ

          อย่าหวังว่าจะมีผิวสวยได้หากว่าคุณยังเอาจริงเอาจังกับการไดเอทแบบไร้ไขมัน (0% fat) สิ่งที่ควรทำคือกินไขมันบ้าง แต่ให้เลือกเฉพาะเอาไขมันดีเท่านั้นเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งคุณจะได้มาจากอะโวคาโด อัลมอนด์ วอลนัท แฟล็กซ์ซีด ดาร์กช็อกโกแลต รวมทั้งเนื้อปลาแซลมอน 


       
5. เลือกกินแต่โปรตีนคุณภาพ 

          อ๊ะ ๆ ฟังแล้วอาจจะงง ๆ ว่า "โปรตีนคุณภาพ" คืออะไรกันนะ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ อาหารที่ให้โปรตีนต่อร่างกาย แบบไม่เจือไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตมาด้วย (หรือเจือมาไม่มาก) หรือว่าคลีนโปรตีนนั่นเองค่ะ (clean protein) โปรตีนนี้นอกจากจะช่วยรักษาสมดุลของอินซูลินในเลือด ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกหิวโหยอยากอาหารเกินไป มันยังช่วยเรื่องการผลิตคอลลาเจนของร่างกายด้วย และคอลลาเจนนี่เองค่ะที่จะเป็นตัวทำให้ผิวของคุณแข็งแรง มีความยืดหยุ่น จึงชะลอการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี รู้อย่างนี้ก็ต้องหาแหล่งคลีนโปรตีนมากินกันแล้ว ซึ่งได้มาจากผักอย่างคะน้า ผักโขม อัลมอนด์ ถั่วฝัก และถั่วเมล็ด รวมทั้งเนื้อปลา ไข่ขาว และกรีกโยเกิร์ต

       6.สไปรูลินา ก็ช่วยให้ผิวสวยนะ

          สไปรูลิน่าเป็นสาหร่ายทะเลลึก และรู้ไหมว่ามันอุดมด้วยโปรตีน สไปรูลินาผง 1 ช้อนโต๊ะ มีโปรตีนถึง 4 กรัม แถมยังพ่วงมาด้วยคลอโรฟีลด์ ธาตุเหล็ก วิตามินเอ และวิตามินบี 12 ลองหาสไปรูลินาในรูปแบบของอาหารเสริมชนิดเม็ด หรือจะเป็นในรูปผงมาปั่นผสมกับสมูธตี้กินก็ได้จ้า
                            

       


          แม้ว่าจะกินอะไรดี ๆ มีประโยชน์ต่อร่างกายไปเยอะแล้ว แต่ถ้าหากคุณยังคงนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวก็ไม่อาจสวยได้ ริ้วรอยและความหมองคล้ำคงไม่ยอมจากไปแน่นอน เพราะยามนอนคือเวลาที่เซลล์ผิวได้ซ่อมแซมตัวเอง ถ้าไม่นอนผิวก็ยิ่งโทรมลง ๆ แต่ถ้านอนเพียงพอประกอบกับกินอาหารที่ดี ผิวก็ดูแลซ่อมแซมตัวเองได้เต็มที่ คุณจึงตื่นมาพร้อมผิวที่สดใส ริ้วรอยก็จะไม่โผล่มาให้เห็นกวนใจ เพราะฉะนั้นต้องนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงในหนึ่งคืนนะจ๊ะ


          
ใครอยากผิวสวยผิวใสดูอ่อนกว่าวัยได้นาน ๆ โดยไม่ต้องพึ่งเข็มหรือวิทยาการความสวยที่ไม่รู้ว่าเสี่ยงหรือไม่ ก็ต้องนำทั้ง 7 ข้อที่เรานำมาฝากกันนี้ไปใช้ดูนะจ๊ะ 



ดูข้อมูลที่ http://pannfit.blogspot.com

หรือ http://www.pannfitskin.blogspot.com
      
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่
           
คุณ วราพร แคล้วศึก   เบอร์โทร  0859083178
                 
อีเมล์   pannfit@gmail.com